CAI คือ โปรแกรมบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
หรือคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (ย่อมาจาก Computer-Assisted
Instruction) ที่มีหน้าที่เป็นสื่อการเรียนการสอนเหมือนแผ่นใส
(Transparent) สไลด์ (Slide) หรือวีดิทัศน์ (Video) ที่ใช้ประกอบการเรียนการสอน
ซึ่งมีองค์ประกอบที่สำคัญดังนี้
1. นักวิชาการ (Academic
Expert)
2. นักเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Programmer)
3. นักสร้างสรรค์ (Producer)
4. นักศิลปะ (Artist)
ฉะนั้น CAI ก็คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ช่วยสอน
โดยมีการกำหนดให้ผู้เรียนสามารถโต้ตอบหรือมีปฏิสัมพันธ์กับการเรียนได้เช่นเดียวกับการเรียนในห้องเรียนกับครู เพียงแต่มีคามยืดหยุ่นน้อยกว่าเท่านั้น
ข้อดีของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
- ผู้เรียนสามารถศึกษาบทเรียนด้วยตัวเองได้โดยไม่จำกัดเวลา
โดยไม่ต้องรอครูหรือเข้าชั้นเรียน
หากไม่เข้าใจสามารถดูหรือเรียนซ้ำได้ บทเรียนใดเข้าใจแล้ว
สามารถผ่านไปเรียนบทอื่นได้โดยไม่ต้องรอให้บทนั้นๆจบก่อน
-ช่วยให้ครูผู้สอนไม่ต้องเสียเวลากับการงานบริหาร
ครูผู้สอนจะได้มีเวลาไปปรับปรุงบทเรียนให้ทันสมัยและมีเวลาให้กับนักเรียนมากขึ้น
เช่น การจัดเลือกข้อสอบ การตรวจและให้คะแนนและวิเคราะห์ข้อสอบ
การเก็บประวัตินักเรียนเฉพาะวิชาที่สอนเพื่อดูพัฒนาการด้านการเรียนและการให้คำปรึกษา
-ช่วยในการจัดทำเอกสารเกี่ยวกับการเรียนการสอนของวิชาที่สอนการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการจัดการเรียนการสอนจะทำให้ครูผู้สอนสามารถ
วิเคราะห์ผู้เรียนเพื่อออกแบบและพัฒนาระบบการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตรงกับวัตถุประสงค์และความต้องการของผู้เรียน
-คอมพิวเตอร์
จะช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการเรียนให้แก่ผู้เรียน
เนื่องจากการเรียนด้วยคอมพิวเตอร์นั้นเป็นประสบการณ์ที่แปลกและใหม่
-ความสามารถของหน่วยความจำของเครื่องคอมพิวเตอร์ช่วยในการ
บันทึกคะแนนและพฤติกรรมต่างๆ
ของผู้เรียนไว้เพื่อใช้ในการวางแผนบทเรียนขั้นต่อไปได้อย่างเที่ยงตรงความสามารถในการเก็บข้อมูลของเครื่อง
ทำให้สามารถนำมาใช้ในลักษณะของการศึกษารายบุคคลได้เป็นอย่างดี โดยสามารถกำหนดบทเรียนให้แก่ผู้เรียนแต่ละ
คนและแสดงผลความก้าวหน้าให้เห็นได้ทันที
-ลักษณะของโปรแกรมบทเรียนที่ให้ความเป็นส่วนตัวแก่ผู้เรียน
เป็นการช่วยให้ผู้เรียนที่เรียนช้า สามารถเรียนไปตามความสามารถของตน
-เป็นการช่วยขยายขีดความสามารถของผู้สอนในการคบคุมผู้เรียนได้อย่างใกล้ชิด
เนื่องจากสามารถบรรจุข้อมูลได้ง่ายและสะดวกในการนำมาใช้
ข้อด้อยของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
-ผู้เรียนจะไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ
ลดโอกาสในการแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะผู้เรียนที่อยู่ในวัยเด็ก
จะทำให้การเรียนรู้ระบบการทำงานเป็นกลุ่มลดลง ขาดพัฒนาการด้านนี้
-การเรียนรู้ด้วยคอมพิวเตอร์ช่วยสอนไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
เพราะจะไม่สามารถบังคับหรือกำหนดเวลาการเรียนให้ตัวเองได้
-คอมพิวเตอร์ช่วยสอน
แม้จะมีความยืดหยุ่นและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียนได้พอสมควร
แต่ก็ไม่เหมือนกับการเรียนในชั้นเรียนโดยตรงกับครู
ซึ่งความยืดหยุ่นของการเรียนกับครูผู้สอนโดยตรงจะมีความยืดหยุ่นอย่างมากเนื่องจากเป็นการระหว่างคนกับคน
มิใช่คนกับคอมพิวเตอร์
-ถึงแม้ว่าขณะนี้ราคาเครื่องคอมพิวเตอร์และค่าใช้จ่ายต่างๆ เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์จะลดลงมากแล้วก็ตาม แต่การที่จะนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในวงการศึกษาในบางสถานที่นั้น
จำเป็นต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อให้คุ้มกับค่าใช้จ่ายตลอดจน
การดูแลรักษาด้วย
- การออกแบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์
เพื่อใช้ในการเรียนการสอนนั้นนับว่ายังมีน้อย
เมื่อเทียบกับการออกแบบโปรแกรมเพื่อใช้ในวงการด้านอื่นๆ
ทำให้โปรแกรมบทเรียนการสอนใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนมีจำนวนและขอบเขตจำกัดที่จะ
นำมาใช้เรียนในวิชาต่างๆ ในขณะนี้ยังขาดอุปกรณ์ที่ได้คุณภาพมาตรฐานระดับเดียวกัน
เพื่อให้สามารถใช้ได้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างระบบกัน เป็นต้นว่า
ซอฟต์แวร์ที่ผลิตขึ้นมาใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบของ ไอบีเอ็มไม่สามารถใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบของแม็กคินทอชได้
-การที่จะให้ผู้สอนเป็นผู้ออกแบบโปรแกรมบทเรียนเองนั้น นับว่าเป็นงานที่ต้องอาศัยเวลา สติปัญญา
และความสามารถเป็นอย่างยิ่ง
ทำให้เป็นการเพิ่มภาระของผู้สอนให้มีมากยิ่งขึ้น
-เนื่องจากบทเรียนคอมพิวเตอร์เป็นการวาง
โปรแกรมบทเรียนไว้ล่วงหน้า
จึงมีลำดับขั้นตอนในการสอนทุกอย่างตามที่วางไว้ ดังนั้น
การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนจึงไม่สามารถช่วยในการพัฒนา
ความคิดสร้างสรรค์ของผู้เรียนได้
-ผู้เรียนบางคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เรียนที่เป็นผู้ใหญ่ อาจจะไม่ชอบโปรแกรมที่เรียนตามขั้นตอนทำให้เป็นอุปสรรคในการเรียนรู้ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น